เด็กจบใหม่เปลี่ยนงานบ่อย เนื่องจาก เด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ ถูกมองว่ามีความอดทนต่ำ ไม่สู้งาน มีปัญหาก็ลาออก ทำงานไม่ถึงปีก็ลาออก หรือบางคนเปลี่ยนงานบ่อยมาก รวมทั้งถูกสงสัยว่าเป็นกลุ่มคนงานที่ไม่จงรักภักดีต่อองค์กร (Employee Loyalty) อย่างที่ควรจะเป็น วันนี้เราจะมาบอกเหตุผลว่าทำไม เด็กจบใหม่เปลี่ยนงานบ่อย ทำงานไม่นาน และลาออกในไม่ช้า
เด็กจบใหม่เปลี่ยนงานบ่อย ทะเยอทะยาน หางาน หางานที่ก้าวหน้า
“แค่มีงานทำ” ไม่ใช่ความมั่นคงในชีวิตเสมอไป
ค่านิยมของคนรุ่นเก่ามักมองว่า “การมีงานทำ” เป็นความมั่นคงและประสบความสำเร็จในชีวิต เชื่อว่าต้องเรียนหนักถึงโตจะได้ทำงานในบริษัทที่มั่นคง ได้รับสวัสดิการดีๆ มีเงินใช้จ่ายในบั้นปลายชีวิต ซึ่งบางทีก็ยอมทำงานเงินเดือนน้อยๆ พอรอเงินบำนาญตอนแก่ หรือเต็มใจ ทำงานจนหัวแทบระเบิดรอเลื่อนตำแหน่งโดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่คนรุ่นใหม่ไม่คิดอย่างนั้น เขาเติบโตขึ้นมาในยุคของเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ดังนั้นคนหนุ่มสาวจำนวนมากไม่ชอบรอ อยากเห็นผลลัพธ์ของสิ่งต่าง ๆ ให้เร็วที่สุด พวกเขาจะหาวิธีทำเงินให้เร็วที่สุด คุณต้องหาเงินที่ไหนเพื่อซื้อความสะดวกสบายให้กับชีวิตของคุณมากที่สุด? และหากต้องเผชิญกับสังคมการทำงานที่แย่ พวกเขาก็ไม่รีรอที่จะเลิกเพราะไม่คิดว่าการเลิกเป็นความล้มเหลวในชีวิต
งานที่โฆษณา ไม่ตรงปก
ก่อนจะทำงานที่ใดที่หนึ่ง ย่อมต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ขององค์กรด้วย ความรับผิดชอบ เงินเดือน และผลประโยชน์ตามที่ระบุในหน้าประกาศรับสมัครงานหรือจากการสัมภาษณ์ แต่เมื่อทำงานจริง มีบางครั้งที่พบว่าไม่ตรงกับที่รับสมัคร ภาระงานเยอะมากกว่าที่แจ้ง เงินเดือนไม่สมกับภาระงาน ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ สวัสดิการที่แจ้งว่าไม่มีตามที่แจ้ง ให้ทำงานล่วงเวลาได้ แต่ไม่จ่ายโอที พูดง่ายๆ หลายอย่างไม่ใช่สิ่งที่แจ้ง และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คนรุ่นใหม่ตั้งคำถามว่า ถ้าบริษัทไม่ซื่อสัตย์กับเขาตั้งแต่แรก ทำไมพวกเขาถึงทนได้?
ความสามารถมากกว่า บริษัทที่ทำ
เด็กสมัยนี้เรียนจบมหาลัยกันหมดแล้ว พวกเขาได้รับการศึกษา มีความสามารถ มีโอกาสพัฒนาและเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเรียนต่อต่างประเทศ เรียนหลักสูตรระยะสั้นที่สนใจหรือเรียนคอร์สออนไลน์ บางคนมีศักยภาพมากจนมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถเพียงพอ มีตัวเลือกมากมายที่อยู่ข้างหน้า ดังนั้นหากคุณพบหนทางและทางที่ดีกว่า พระองค์ต้องเลือกทางที่ดีกว่าปกติ เพราะพวกเขาคิดว่ามันดีกว่าที่จะค้นหางานที่เหมาะสมต่อไป แทนที่จะยึดติดกับงานที่ไม่เก่า และบางทีอาจจะโตมาท่ามกลางเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วซึ่งไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พวกเขาจึงไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง และกล้าที่จะแตกต่าง
ทำงานที่เดิม เงินเดือนไม่ดีเท่าเปลี่ยนงาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนรุ่นใหม่มีอัตราการหมุนเวียนงานสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ คนรุ่นใหม่มองว่าใครๆ ก็อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ดังนั้นเขาจะอยู่ต่อก็ต่อเมื่อบริษัทจ่ายค่าจ้างให้คุ้มกับงานที่ทำ แต่ถ้าเมื่อใดที่เงินเดือนไม่สมเหตุผลกับงานที่ทำ พวกเขาพร้อมที่จะจากไปหากได้รับข้อเสนอจากที่ใหม่ที่ดีกว่า อีกทั้งการขึ้นเงินเดือนตามมาตรฐานของบริษัท การเพิ่มขึ้นนั้นไม่ใหญ่เท่ากับการย้ายงานที่เงินเดือนสามารถเพิ่มขึ้นได้แบบก้าวกระโดด อย่างที่บอก คนรุ่นใหม่เป็นคนไม่ชอบรอ รวมถึงชอบท้าทายตัวเองด้วย พวกเขามองว่าเงินเดือนเป็นความสามารถ คนเก่งต้องได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะราคาถูกก็ตาม
มีเสริม สร้างรายได้ไม่น้อยไปกว่า “งานประจำ”
คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่สนใจว่าพวกเขาจะต้องทำงานที่ดีในสังคม ตำแหน่งระดับสูง ถ้าสุดท้ายผลไม่ต่างกันก็ถือว่าสำเร็จ วันนี้โลกของการทำงานเปิดกว้างมาก ในปัจจุบันนี้การหาเงินมีหลายวิธี ไม่ว่าจะทำงานอิสระ ทำธุรกิจส่วนตัว ตัวอย่างเช่น การขายของออนไลน์เป็นเรื่องง่าย แถมยังสร้างรายได้มหาศาลจากการเป็น Content Creator ทั้งเล่นหุ้น หรือซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ที่ทำผ่านแอพมือถือทำเงินได้มากมาย แถมยังทำได้ไม่ยาก